การเข้าคราบของงู

สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบล็อคดีๆสำหรับคนเลี้ยงงู ที่อัดแน่นด้วยความรู้และเทคนิคการเลี้ยงต่างๆที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างดีเลยทีเดียว ในบทความนี้ผมจะมาพูดถึงอาการหนึ่งที่คนเลี้ยงงูต้องเจออยู่ตลอดเวลาและมักจะเป็นปัญหาต่อผู้เลี้ยงหน้าใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์และความรู้ในเรื่องนี้นั่นคือเรื่องของ

"การเข้าคราบ"

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงงูใหม่ๆก็มักจะมีคำถามแบบนี้อยู่ในหัวเสมอว่า

“ตางูมันขุ่นๆ ตามันจะบอดไหม ?”

“ตางูผมเป็นฝ้าขาวๆ มันจะเป็นอะไรไหมครับ ?”

“สีของงูผมเปลี่ยนไป ตามันเหมือนจะบอดด้วยครับต้องทำยังไงบ้าง ?”
"สีของงูเปลี่ยนไป มันจะเป็นอะไรหรือเปล่า ?"

คำถามเหล่านี้มักจะเป็นคำถามที่ผู้เริ่มเลี้ยงส่วนใหญ่ถามเข้ามามากที่สุด ผู้เริ่มเลี้ยงมือใหม่บางคนก็ซื้อเลี้ยงโดยที่อาจจะยังไม่ได้ศึกษาหรือหาข้อมูลมาก่อนแต่ไม่เป็นไรสำหรับผู้เลี้ยง ทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้ท่านทราบในเรื่อง “การเข้าคราบของงู” กันครับ

การเข้าคราบของงูคืออะไร ?

การเข้าคราบของงูเป็นอาการที่บอกว่างูท่านกำลังมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ไม่ใช่แค่ขนาดตัว แต่อาจจะเป็นการบ่งบอกสัญญาณที่ท่านไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเช่น เวลาที่งูตั้งท้อง ก่อนจะไข่นั้นงูจะต้องลอกคราบก่อน ซึ่งจุดนี้ Breeder (ผู้เพาะพันธุ์) ที่เก่งๆจะคอยสังเกตเวลาที่ตัวเองผสมงู หรือการสังเกตสุขภาพและการเจริญเติบโตและความสมบูรณ์ เป็นต้น

การลอกคราบของงูนั้นยังสามารถช่วยรักษารอยแผลที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นตามลำตัวหรือรอยถลอกเวลาที่งูดันกล่อง (ไม่นับกรณีที่ไม่แผลเป็นตลอดชีวิตอย่างเช่นเกล็ดหลุดนะครับ) และการสังเกตคราบของงูยังสามารถดูสุขภาพของงูได้คร่าวๆอีกด้วย ถ้างูตัวไหนที่มีสุขภาพดี แข็งแรงและความชื้นในการลอกคราบเพียงพอ คราบจะต่อกันเป็นตัวสวยงาม แต่ถ้าตัวไหนลอกเป็นแผ่นๆสะเก็ดๆให้สังเกตดูว่าเค้ามีปัญหากับสุขภาพหรือไม่ และก็ลองสังเกตสถานที่เลี้ยงดูว่ามีความชื้นเพียงพอต่อการลอกคราบของงูหรือเปล่า

การเข้าคราบเป็นอย่างไร ?

การเข้าคราบของงูนั้นจะมีสิ่งที่สามารถสังเกตง่ายๆเลยก็คือ

1. บริเวณดวงตา

ตาของงูนั้นจะมีฝ้าขาวๆอย่างที่โพสท์ถามกันว่างูจะตาบอดหรือไม่ ขอตอบตรงนี้เลยว่าไม่บอดนะครับ นั่นคืออาการปกติเลย แต่ข้อสังเกตก็คือ การดูระยะเวลาโดยประมาณ 1 เดือนไม่เกิน 3 ครั้งแน่นอน แต่ถ้าเห็นตาซีดๆแบบไม่ปกติเช่น ตาซีดข้างเดียว ตาซีดแต่ตัวไม่ยอมซีดสักที อันนี้ควรสังเกตให้ลึกๆว่ามันเป็นอาการอะไรกันแน่

2. สีบริเวณลำตัวตั้งแต่หัวจรดหาง

สีบริเวณลำตัวของงูนั้นจะเป็นจุดที่สังเกตได้ง่ายที่สุดนั่นคือมีอาการซีด จนสีเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดไม่ต้องตกใจไป เพราะนั่นคืออาการปกติของเค้าครับผม

3. งูบางตัวจะหยุดกินอาหาร

งูที่เริ่มเข้าคราบส่วนมากแล้วจะเริ่มหยุดกินอาหารและเข้าสู่สภาวะเฉื่อยชาระยะสั้นๆ ทำให้เวลาเราให้อาหารไปงูจึงปฏิเสธโดยการหันหน้าหนีหรือเลื้อยหนีและกลับไปนอนนิ่งๆอยู่ในมุมของมัน

ข้อควรระวังเมื่องูของคุณเข้าคราบ

เมื่องูของคุณเข้าคราบมักจะนิ่งกว่าปกติ ไม่ค่อยมีอาการเลื้อยเล่น และจะเครียดได้ง่ายกว่าปกติ โดยปกติแล้วตาของงูนั้นจะมองเห็นได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่จะไวต่อสิ่งที่เคลื่อนไหว เมื่อคราบของงูเราเป็นสีขาวขุ่นบังดวงตาไว้ทำให้งูเกิดความระวังตัวมากขึ้นจนบางครั้งเราก็สังเกตเห็นได้ เมื่อมีความระแวงมากขึ้นงูก็ย่อมที่จะหงุดหงิดง่ายขึ้น อาจจะทำให้เกิดการฉกกัดเราได้ ซึ่งเป็นปกติ

เมื่องูเข้าคราบมันก็เปรียบเหมือนกับเราที่ใส่เสื้อผ้ารัดๆ เวลากินอาหารเยอะๆก็จะอึดอัด งูก็เช่นกันครับ เวลาเข้าคราบงูส่วนใหญ่ก็หักห้ามใจให้ตัวเองไม่กินอาหารได้ แต่งูบางตัวก็ไม่สนกฎเกณฑ์ข้อนี้เหมือนกันเลยทำให้งูบางตัวต้องอ้วกออกมาก่อนแล้วลอกคราบ เวลางูอ้วกนั้นจะมีน้ำย่อยติดมาตามระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจะทำให้รู้สึกแสบร้อนเพราะมันคือกรด อาจจะทำให้งูเครียดเพิ่มขึ้นและอดอาหารไปสักพักหนึ่งและเรานั่นแหละครับที่จะเป็นฝ่ายกระวนกระวายใจเสียเอง

ผู้เลี้ยงบางคนที่ชอบงูสายสีขาวเช่นพวก Leucistic , Blizzard ฯลฯส่วนใหญ่จะเจอปัญหาที่ไม่รู้ว่ามันเข้าคราบอยู่หรือเปล่า เพราะว่างูสีขาวเวลาเข้าคราบแล้วจะดูค่อนข้างยาก แถมตายังเป็นสีแดงใสๆมือใหม่ๆมัดจะไม่ทันสังเกต เคล็ดลับมีง่ายๆก็คือการดูที่ ตา เหมือนเดิมนั่นแหละครับ จะเป็นฝ้าขาวแทนที่จะใสแบบเดิม